วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ควรซื้อหุ้น P/E 30 ไหม ???

ควรซื้อหุ้น P/E 30 ไหม ???




       ในช่วงเวลาที่ผมเขียนบทความนี้ SET INDEX อยู่ที่ประมาณ 1,200 จุด หรือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 16 ปีซึ่งสถานการณ์นี้น่าจะบ่งบอกถึงความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มองว่าสภาพเศรษฐกิจไทยจะเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้แต่เมื่อเรามองเจาะลึกลงไปในหุ้นรายตัวแล้วจะพบว่ามีหุ้นบางกลุ่มที่ปรับตัวมากขึ้นเป็นพิเศษ บางกลุ่มปรับตัวมากขึ้นธรรมดาตามสภาพตลาดและมีหุ้นบางตัวที่ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเลยนับตั้งแต่หลังน้ำท่วมเป็นต้นมาทำให้เมื่อเราดูค่า P/E ตัววัดมูลค่าหุ้นที่นักลงทุนส่วนใหญ่ทั่วไปใช้เราจะพบหุ้นต่างๆมีค่า P/E แตกต่างกันมาก ตั้งแต่ไม่ถึง 10เท่า ไปจนถึง 40 เท่า อะไรที่เป็นสาเหตุทำให้นักลงทุนยอมซื้อขายกันในช่วงP/E ต่างกันมากถึงขนาดนี้
โดยทั่วไปแล้วสินค้าที่ดีมีคุณภาพนั้นจะตามมาด้วยการกำหนดราคาสินค้าจากผู้ขายในระดับที่แพง เสมอ ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรจากราคาหุ้นถ้าหุ้นตัวนั้นมีธุรกิจที่ดีก็อาจจะทำให้ซื้อขายกันในค่า P/E ที่แพง และสมัยปัจจุบันนักลงทุนมีความคิดที่ฉลาดมากขึ้นกว่าสมัยก่อนทำให้ตลาดรู้ว่าอะไรคือ ของดีและอะไรคือ ของเน่าจึงทำให้เกิดความแตกต่างกันอย่างมากของระดับP/E ในตลาด พอจะสรุปสาเหตุที่เป็นไปได้ที่นักลงทุนจะยอมซื้อขายหุ้นในค่าP/E ที่แพงดังนี้

1.ลักษณะธุรกิจของบริษัทนั้นมีรายได้ที่ความแน่นอนสูงไม่พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่เพียงไม่กี่รายและราคาขายสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ตามต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกำไรของบริษัทมีความสม่ำเสมอต่อเนื่องไม่ผันผวน ไม่เป็นวัฎจักร ลักษณะธุรกิจประเภทนี้ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก โรงพยาบาล กลุ่มสื่อสารหรือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ด้วยเหตุผลหลักคือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจคนทั่วไปก็คงจำเป็นต้องกินต้องใช้ในสินค้าเหล่านี้เป็นอันดับแรก

2.บริษัทนั้นเป็นบริษัทที่นักลงทุนคาดหวังว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงเพราะเมื่อในอนาคตกำไรสูงขึ้น ย่อมทำให้นักลงทุนยอมจ่ายเงินในราคาที่แพงขึ้นกว่าเดิมจากปกติและถ้าบริษัทเหล่านั้นอยู่ในเทรนด์ที่มีความน่าจะเป็นสูงในการเติบโตหรือเรียกได้ว่าไม่ต้องลุ้น ตลาดก็จะยอมให้ P/E กับบริษัทในค่าที่สูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ

3.บริษัทนั้นเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เพราะกองทุนรวมขนาดใหญ่นั้นจะมีกฎระเบียบการลงทุนให้ลงทุนในบริษัทที่มีขนาดใหญ่เท่านั้นและถึงไม่มีกฎระเบียบเหล่านั้นผมคิดว่ากองทุนเหล่านั้นก็จะไม่ลงทุนในบริษัทขนาดเล็กอยู่ดีเพราะแม้ว่าบริษัทขนาดเล็กจะมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง ถึงจะลงทุนซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทขนาดเล็กมูลค่าของมันก็จะเป็นสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดใหญ่มากของกองทุนกองทุนจึงคุ้มค่ากว่าที่จะใช้เวลาไปวิเคราะห์ติดตามบริษัทขนาดใหญ่ จึงเป็นผลทำให้เม็ดเงินที่จะลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่จะมากกว่าในบริษัทขนาดเล็ก

4.การซื้อขายหุ้นของบริษัทนั้นมีสภาพคล่องที่ดีกล่าวคือเมื่อเราซื้อหุ้นเหล่านั้นมาแล้วเราสามารถมั่นใจได้ว่าจะขายหุ้นนั้นต่อให้นักลงทุนผู้อื่นได้เรื่องนี้เป็นข้อจำกัดในกฎระเบียบการลงทุนของกองทุนขนาดใหญ่เช่นกันและนักลงทุนทั่วไปก็คงจะไม่ค่อยชอบนักกับการซื้อหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่องแต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าถ้าเรามั่นใจว่าการซื้อบริษัทเหล่านี้จะเป็นการลงทุนในระยะยาวมากประเด็นนี้ก็คงไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะขายให้กับผู้อื่นอยู่แล้วเพียงแต่เราต้องทำใจว่าในอนาคต P/E ก็คงต้องต่ำอย่างนี้ไปตลอด เพราะตลาดมักจะให้ P/E น้อยเสมอกับหุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง

5.หุ้นเหล่านั้นเป็นที่นิยมของตลาดด้วยปัจจัยอื่นๆถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านั้นไม่ได้มีความแน่นอนของรายได้ หรือมีขนาดเล็กก็สามารถซื้อขายกันที่ P/Eสูงได้ถ้าหุ้นเหล่านั้นเป็นที่นิยมของตลาดในเวลานั้นแต่ผมคิดว่าข้อนี้เป็นข้อที่อันตรายและต้องระวังมากที่สุดในการซื้อหุ้นที่มี P/Eสูง เพราะเราไม่รู้ว่าหุ้นนั้นจะคงความนิยมต่อไปอีกนานเท่าไร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น