วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ตลาดหุ้นไทยปี 2555

นักวิเคราะห์หวั่นตลาดหุ้นไทยปี 2555 ผันผวนสูง
 
        ผลสำรวจนักวิเคราะห์ถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี2555 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีสิ้นปี55เฉลี่ยอยู่ที่ 1,130 จุด โดยดัชนีมีโอกาสไปได้สูงสุด ที่ 1,186 จุด และ ดัชนีต่ำสุดที่ 894 จุด จากที่คาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นสิ้นปี54 จะปิดที่ 1,046 จุด
        นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ปัจจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นมากที่สุด คือการลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% ในปีหน้าและเหลือ 20% ในปี56 รองมาคือการลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ความคืบหน้าของโครงการป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังประเมินว่าเศรษฐกิจปี55จะเติบโตมากจากปี 54 ที่มีฐานต่ำเพราะปัญหาน้ำท่วม และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวสูงขึ้น เป็นผลจากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล


        ส่วน ปัจจัยลบที่กดดันตลาดหุ้นปีหน้า ที่มีผลมากที่สุดคือปัญหาวิกฤติหนี้ยูโรโซน รองมาคือปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองของไทย ในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม รวมทั้งผลกระทบต่อเนื่องจากน้ำท่วม และปัญหาหนี้และเศรษฐกิจสหรัฐฯ และคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะมีการเติบโต เฉลี่ย 4.1%
"ดัชนี ตลาดหุ้นไทยปีหน้าจะมีความผันผวนสูง จากที่มีผู้มองว่าดัชนีสูงสุดปีหน้าจะไปได้ที่ 1,186 จุด และมองดัชนีต่ำสุดที่ 894 จุด โดยมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการแกว่งตัวของดัชนี ซึ่งปีหน้าปัจจัยลบสำคัญที่มีผลต่อตลาดหุ้นคือวิกฤติหนี้ยุโรปและสถานการณ์ การเมืองของไทย"นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติ ยังกล่าวถึงการลงทุนของนักลงทุนกลุ่มต่างๆว่านักวิเคราะห์ประเมินว่านักลง ทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิเฉลี่ยในปี 55 จำนวน 14,150 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศจะซื้อสุทธิเฉลี่ย 6,778 ล้านบาทพอร์ตลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ เฉลี่ย 3,814 ล้านบาท ซึ่งรวม 3 กลุ่มจะซื้อสุทธิรวม 24,742 ล้านบาทโดยคาดว่านักลงทุนรายย่อยปีหน้าจะเป็นผู้ขายสุทธิ


       นักวิเคราะห์คาดว่าอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี55ที่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเดินเรือ เติบโต 324.98% ซึ่งเติบโตสูงมากจากฐานในปี 54 ที่ต่ำ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เติบโต 28.02% และกลุ่มอาหารโต 16.03% ด้านอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ปีหน้าเติบโตสูงสุดคือกลุ่มสื่อสาร ที่ 5.93% ตามด้วยกลุ่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โต5.32% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์โตได้4.88%
"ปี หน้าที่ดัชนีหุ้นจะผันผวนสูง นักลงทุนต้องเลือกจังหวะในการลงทุนให้ถูก ทยอยสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลงและหาจังหวะขายทำ กำไร และติดตามข้อมูลข่าวสารการลงทุนอย่างใกล้ชิดโดยเน้นลงทุนในหุ้นทีมีการจ่าย ปันผลสูงและสม่ำเสมอ โดยนักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายการลงทุน โดยลงทุนหุ้นในประเทศ 39% ลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนตราสารหนี้ 25% ลงทุนในทองคำและโกลด์ฟิวเจอร์ส11% ลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ8% และ ลงทุนอื่นๆ เช่นกองทุนในประเทศ กองทุนอสังหาริมทรัพย์สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ฯลฯ








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น